วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Matt Stutzman นักยิงธนูไร้แขน เป้าหมายเหรียญทองโอลิมปิก 2012

Matt Stutzman
ตั้งแต่ลืมตาดูโลก Matt Stutzman ก็พบว่าตัวเองไม่มีแขนเหมือนคนอื่น  แต่เขาไม่เคยย่อท้อ เขาคิดว่าการที่เขาไร้แขน มันไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตแต่อย่างใด เพราะเขายังสามารถทำทุกอย่างได้ดีเหมือนคนปกติด้วยเท้าของเขา ทุกอย่างที่ว่านี้หมายถึงทุกอย่างที่คนปกติสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็น การกินข้าว ขับรถ ขี่มอเตอร์ไซค์ แถมบางอย่างเขายังสามารถทำได้ดีกว่าคนปกติซะอีก นั่นก็คือการยิงธนู

Matt Stutzman เป็นนักยิงธนู (ใช้เท้ายิง) ได้แม่นมาก ๆ เขาได้เข้ารับการทดสอบเพื่อเข้าเป็นนักกีฬายิงธนูทีมชาติสหรัฐ เพื่อเข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ที่ลอนดอน ปี 2012 ใช่แล้ว โอลิมปิกเกมส์ ไม่ใช่พาราลิมปิก
จากผู้เข้าทดสอบทั้งหมด 30 คน เขาทำคะแนนได้สูงที่สุด มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับคนที่ไม่มีแขน เขาได้รับเลือกเป็นทีมชาติสหรัฐอเมริกาเพื่อแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปีหน้า 
เขาบอกว่าเป้าหมายเดียวที่เขาหวังไว้คือเหรียญทอง และเขามั่นใจว่าต้องทำได้แน่ ๆ 
ขอเอาใจช่วยให้เขาทำได้สำเร็จ เพราะมันคงจะเป็นแรงใจให้ใครในโลกนี้ได้อีกหลายคน
แวะไปเยี่ยมเยียน Matt Stutzman  ได้ที่ www.inspirationalarcher.com

Matt Stutzman

Matt Stutzman

Matt Stutzman

Matt Stutzman

Matt Stutzman

Matt Stutzman


ที่มา : http://www.zoneza.com

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Animal Planking : สัตว์ก็แพลงกิ้ง

กระแส "แพลงกิ้ง" กำลังมาแรง ฮิตไปทั่วโลก บางคนบอกว่าไร้สาระ ปัญญาอ่อน บางคนก็ว่าแค่ฮา ๆ คิดมากไปเดี๋ยวเครียด

การแพลงกิ้งของคนนั้นว่ากันว่ายิ่งแพลงกิ้งในที่เสี่ยง ๆ ยิ่งเท่ แต่วันนี้ขอเอาการแพลงกิ้งของสัตว์มานำเสนอ รับรองว่าไม่หวาดเสียว มีแต่น่ารักอย่างเดียว

ว่ากันว่าสัตว์นิยมแพลงกิ้งมาตั้งนานแล้ว แต่สัตว์ไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ก็เลยนิยมแพลงกิ้งกันเงียบไม่ฮือฮาเหมือนคน



Animal Planking

Animal Planking

Animal Planking

Animal Planking

Animal Planking

Animal Planking



ใครอยากชมความน่ารักมากกว่านี้เข้าไปดูหรือร่วมแจมได้ที่ http://www.facebook.com/pages/Animal-Planking/120496011366361

Autobot Transformer จากเศษอะไหล่รถยนต์ ฝีมือคนไทย

bumblebee

วันนี้ไปเห็นข่าวน่าภาคภูมิใจสำหรับคนไทยก็เลยนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

เรื่องก็มีอยู่ว่าคุณอัญชลี แสงไท เขาไปเก็บรวบรวมชิ้นส่วนรถยนต์และรถบรรทุกเก่าที่ไม่ใช้แล้ว นำมาประกอบเป็นหุ่นยนต์เผ่า Autobot จากภาพยนต์ชื่อดังสุดมันส์ Transformer คือ Optimus Prime และ Bumblebee โดยทำออกมา 2 ขนาด คือ ขนาดความสูง 19 ฟุต และ 8 ฟุต

ที่บอกว่าน่าภูมิใจก็เพราะว่าทางพิพิธภัณฑ์ Ripley’s Believe It Or Not จะนำเจ้าหุ่นฝีมือคุณอัญชลีไปแสดงทั่วโลก โดยตอนนี้เจ้า Bumblebee ได้ไปปรากฏตัวโชว์ที่เมือง Texas ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว คิวต่อไป เดือนหน้าก็ถึงคราวเจ้า Optimus Prime ที่เตรียมตัวเดินทางไปเมืองซานฟรานซิสโก และเจ้าหุ่น Transformer ยังมีคิวที่จะต้องไปโชว์ตัวอีกยาวเหยียดที่ New York, London, Myrtle Beach, South Carolina, and Jeju Island, South Korea และสุดท้ายก็คือที่ Hollywood ในปีนี้ครับ

ปลายเดือนนี้ Transformer 3 : Dark of the Moon ก็จะเข้าฉายแล้วใครที่ติดใจ 2 ภาคแรก อย่าลืมไปดูกัน ใครใจดีก็ชวนผมไปดูด้วยนะ




bumblebee

Optimus-Prime


transformer
ที่มา : www.getonecar.com

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เรื่องดี ๆ ของลู่เหยา กับ หม่าลี่

วันนี้ขอนำเรื่องดี ๆ ที่ได้อ่านมาจากฟอร์เวิร์ดเมลมาฝากครับ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วจะได้แง่คิดดี ๆ คิดว่าคงจะชอบ และน่าจะมีประโยชน์ครับ







ลู่เหยา กับ หม่าลี่ เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน
ลู่เหยามีศักดิ์เป็นพี่ เขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว
หม่าลี่ เป็นผู้น้อง ยังไม่ได้แต่งงาน
ลู่เหยามีฐานะยากจน ขณะที่หม่าลี่ฐานะร่ำรวย
ด้วยเหตุนี้ ลู่เหยาจึงได้รับการอุดหนุนจุนเจือจากหม่าลี่เสมอ
วันหนึ่ง ลู่เหยาบอกหม่าลี่ว่า ตนเองต้องการไปแสวงโชคต่างเมือง
อยากจะฝากให้หม่าลี่ช่วยดูแลภรรยาให้
หม่าลี่รับปาก บอกว่าเขาจะดูแลให้ ไม่ต้องเป็นกังวล

ตั้งแต่นั้นมา ทุกครึ่งเดือนหม่าลี่จะสั่งให้คนรับใช้
นำของกินของใช้ บรรทุกใส่รถม้าเต็มคันรถ
นำไปให้กับภรรยาของลู่เหยา...
ภรรยาข! องลู่เหยา จึงคิดว่า
เป็นเช่นนี้ก็นับว่าไม่เลว ได้รับการโอบอุ้มดูแล
ยิ่งกว่าตอนที่อยู่กับสามีเสียอีก
ไม่ต้องทำงานก็มีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่
ทำให้นางนึกขอบคุณสามีที่มีน้องร่วมสาบานที่ดีเช่นนี้

ครึ่งปีผ่านไป เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป
คนรับใช้ของหม่าลี่ ไม่ได้นำของไปให้ภรรยาของลู่เหยาอีกแล้ว
ครึ่งเดือนก็แล้ว หนึ่งเดือนก็แล้ว สองเดือนก็แล้ว
ภรรยาของลู่เหยาจึงต้องขายข้าวของที่หม่าลี่เคยส่งไปให้
เพื่อประทังชีวิต ไม่ถึงครึ่งปี ข้าวของทุกอย่างถูกขายจนหมด
นางจึงคิดจะทำงานเพื่อหาเลี้ยงตนเอง
เนื่องจากนางเคยเรียนเย็บปักถักร้อยมาตั้งแต่เด็ก
นางจึงลองเย็บรองเท้าผ้าที่คนสวมใส่กันเป็นประจำขาย
อาจเพราะว่า นางมีฝีมือดี หรือชาวบ้านต่างสงสารนาง
ก็มิอาจทราบได้ ทำให้ชาวบ้านพากันแย่งซื้อรองเท้าของนาง
จนขายหมดเกลี้ยงทุกวัน ไม่ว่านางจะตั้งราคาสูงเพียงใดก็ตาม
....

พริบตาเดียว 10 ปีผ่านไป ลู่เหยาก็กลับมาในคืนหนึ่ง
เมื่อเขารู้ว่า ตั้งแต่เขาจากไป หม่าลี่ไม่เคยมาดูแลภรรยาของตน
และส่งของกินของใช้ให้เพียงครึ่งปี หลังจากนั้น
ก็ไม่ได้ส่งของกินของใช้มาให้ภรรยาของตนอีกเลย
เขาทอดถอนใจ แล้วกล่าวว่า
" คนอยู่น้ำใจอยู่ เมื่อคนจากไปทุกอย่างก็เปลี่ยนไป "

เมื่อหม่าลี่ ทราบข่าวว่าลู่เหยากลับมา จึงส่งคนไปเชิญมาเลี้ยงต้อนรับ
แต่ลู่เหยาปิดประตูไม่รับแขก หม่าลี่จึงไปเชิญลู่เหยาด้วยตนเอง
เขาคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตู จนลู่เหยาจำใจต้องไปที่บ้านของหม่าลี่
ระหว่างกินเลี้ยงกัน ลู่เหยาต่อว่าหม่าลี่ที่ไม่ดูแลภรรยาของตน
ซึ่งเปรียบเสมือนพี่สะใภ้ของหม่าลี่ก็ไม่ปาน
หม่าลี่จึงพาลู่เหยาเข้าไปที่สวนดอกไม้หลังบ้าน
เขา เปิดประตูห้องใหญ่ห้องหนึ่งออก และเชิญลู่เหยาเข้าไป
ลู่เหยาตกตะลึงจนตาค้าง เขาเห็นรองเท้าผ้ากองเต็มห้องไปหมด
ลู่เหยาเข้าใจทันที เขาจึงก้าวถอยออกจากประตูด้วยความละอายใจ
และก้มลงคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูบ้านของหม่าลี่




ที่มา : ฟอร์เวิร์ดเมล
ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Blogger Templates